พระราชหัตถเลขา
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเอง ก็ได้เสด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเอง ก็ได้เสด็จประพาสหัวเมืองชายทะเลฝั่งตะวันออกอีก ในปีวอก พ.ศ. ๒๔๒๘ ดังความปรากฏในพระราชหัตถเลขาฉบันที่ ๑ ฉบันที่ ๒ และฉบับที่ ๓ ซึ่งรายละเอียดในพระราชหัตถเลขาทั้ง ๓ ฉบับ เป็นการย้ำยืนยันชัดเจนว่า ครั้งหนึ่ง เกาะกงหรือเมืองปัจจันตคิรีเขตรนี้ เคยเป็นของไทย

 

พระราชหัตถเลขาฉบับที่ ๑            ...กำหนดเวลารุ่งพรุ่งนี้จะได้ออกเรือจากเมืองจันทบุรี ไปพักนอนที่เกาะกง รุ่งขึ้นจะออกจากเกาะกงไปจนถึงที่ต่อจากเขตร์แดน เพื่อจะได้พบกับคอนเวอเนอเมืองไซง่อน...            เขียนในเรือพระที่นั่งเวสาตรี ที่แหลมสิงห์ ปากน้ำจันทบุรี วัน ๒ ฯ ๓ ค่ำ ปีวอก ฉศก ศักราช ๑๒๔๖                        พระราชหัตถเลขาฉบับที่ ๒            ...ครั้งวัน ๓ ฯ ๓ ค่ำ เวลา ๒ โมงเช้า ได้ออกจากเมืองจันทบุรีตรงมาถึงเกาะกง เวลายามหนึ่ง เข้าทอดอยู่ในเกาะ ครั้งวัน ๔ ฯ ๓ ค่ำ เวลาเช้า ออกจากเกาะกงมาทอดที่หน้าเกาะเสม็ดด้านใน...            เขียนในเรือพระที่นั่งเวสาตรี ที่แหลมเทียน แขวงเมืองประจันตคิรีเขตร์ วัน ๖ ฯ ๓ ค่ำ ปีวอก ฉศก ศักราช ๑๒๔๖                        พระราชหัตถเลขาฉบันที่ ๓            ...พอไปถึงศิลาขาวก็กลับเรือขึ้นมาถึงเกาะกงเวลาย่ำค่ำ ทอดนอนอยู่ที่นั่นคืนหนึ่ง รุ่งขึ้นวัน ๑ ฯ ๓ ค่ำ เวลาเช้าขึ้นเที่ยวบนฝั่ง แล้วออกเรือมาพักที่ปากอ่าวเมืองตราด...            เขียนในเรือพระที่นั่งเวสาตรี ที่แหลมสิงห์ ปากน้ำจันทบุรี ณ วัน ๕ ฯ ๓ ค่ำ ปีวอก ฉศก ศักราช ๑๒๔๖             พระราชหัตถเลขาทั้ง ๓ ฉบับนี้ คัดจากหนังสือพระราชหัตถเลขา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เมื่อเสด็จประพาสหัวเมืองชายทะเลตะวันออก ในปีมะเมีย พ.ศ. ๒๔๒๕ กับปีมะแม พ.ศ. ๒๔๒๖ และปีวอก พ.ศ. ๒๔๒๗ รวม ๓ คราว