แค่คิดก็สะเทือนแล้ว
ไทยรัฐออนไลน์วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ.2554
แค่คิดก็สะเทือนแล้วกำลังเป็นหัวข้อสำคัญที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากทั้งสนับสนุนและคัดค้าน ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ก็มีแนวคิดที่ต้องการดำเนินการในการจัดตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Fund) หรือ SWF เพื่อนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ เป็นบริษัทของรัฐบาล แต่ดำเนินการแบบเอกชนสำหรับเม็ดเงินที่จะนำไปลงทุนนั้น จะมีหลายลักษณะ เช่น มาจากเงินทุนสำรองของประเทศ มาจากเงินกองทุนสะสมจากธุรกิจที่ได้กำไรมาก เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ สินทรัพย์จากเงินตราต่างประเทศ ฯลฯ ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจะเลือกใช้เม็ดเงินจากแหล่งไหน แต่ที่สำคัญการตั้งกองทุนมั่งคั่งนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นประเทศที่มีเงินคงคลังเหลือเฟือ เช่น สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุฯ คูเวต จีน ฯลฯ กองทุนอาบู ดาบิ อินเวสต์เมนต์ ออทอริตี้ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถือว่าใหญ่ที่สุดในโลก และกองทุนเทมาเสกของสิงคโปร์ก็โด่งดังด้วยการเข้ามาซื้อหุ้นชินคอร์ป จนมีเรื่องมีราวทำให้เกิดการเปลี่ยนทางการเมืองในประเทศไทยมาแล้ว
เมืองไทยนั้นยังไม่เคยมี “กองทุนมั่งคั่ง” เกิดขึ้นมาก่อน แต่หาใช่ว่าจะไม่มีแนวคิดนี้ เพียงแต่ว่าไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะมีเสียงคัดค้านมาตลอดว่าไม่ควรนำเงินทุนสำรองประเทศไปใช้ เพราะสุ่มเสี่ยงกับหลักประกันสำคัญของประเทศ สมัยรัฐบาล “สมัคร” โดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีคลัง สมัยนั้น ก็คิดที่จะทำแต่ไม่สำเร็จ แน่นอนว่าแนวคิดนี้หากมองในแง่ดี ก็เพื่อหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากเงินที่กองเอาไว้เฉยๆเป็นการสร้างผลกำไรของประเทศ แต่อีกด้านหนึ่ง เห็นว่าเป็นการเสี่ยงเกินไปที่จะนำทุนสำรองไปใช้ เพราะหากผิดพลาดก็จะเกิดความเสียหายใหญ่หลวงแก่ประเทศได้
นอกจากนั้น อาจจะเกิดความเสี่ยงหากนำไปลงทุนแล้วเกิดขาดทุนขึ้นมาได้ เพราะมันเป็นเรื่องการเก็งกำไรมากกว่า ที่สำคัญก็คือ การนำเงินของชาติ นำเงินภาษีของประชาชนไปใช้ หากเกิดผิดพลาดขึ้นมาก็เท่ากับว่าเอาเงินไปเสี่ยงให้กับคนทั้งประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นเมืองไทยก็หาใช่ว่าจะร่ำรวยล้นฟ้า แถมยังมีหนี้ก้อนใหญ่ที่ยังเป็นปัญหาสำหรับทุกรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศ พูดง่ายๆว่ายังไม่มีความพร้อมพอ
ขณะเดียวกัน การบริหารกองทุน การตัดสินใจลงทุนในต่างประเทศ สำหรับประเทศไทยยังไม่มีความชำนาญพอ ที่เสี่ยงที่สุดก็คือ เรื่องความโปร่งใส ธรรมาภิบาล ซึ่งประเทศไทยนั้นรู้กันดีว่ามีปัญหาในเรื่องนี้มาตลอด และยังไม่สามารถแก้ไขได้ ต่างกับสิงคโปร์ที่โปร่งใสทั้งระบบ คนของเขาก็มีความพร้อมในเชิงบริหารและจัดการ
นอกจากนี้ คนสิงคโปร์โดยรวมแล้วยังมี ความรอบรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ดี ผิดกับคนไทยส่วนใหญ่ที่ยังไม่สันทัดรู้กันแค่งูๆปลาๆเท่านั้น กระทรวงคลังได้จุดพลุเรื่องนี้ขึ้นมาและรัฐบาลชุดนี้ก็ขานรับและเน้นไปที่การลงทุนด้านพลังงาน แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะดำเนินการหรือไม่ หรือจะนำไปลงทุนในทิศทางไหนกันแน่
หากคิดจะทำกันจริงๆ ก็ต้องฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ ว่าจะเอาด้วยหรือไม่ เพราะเชื่อเลยว่าจะเกิดปัญหาขัดแย้งกันแน่
นอกจากนั้น จะต้องมีระบบตรวจสอบที่เข้มแข็ง ทั้งบุคลากรที่จะเข้ามาบริหารและจัดการ รวมถึงกฎ ระเบียบต่างๆ ที่ต้องชัดเจนตรวจสอบได้อย่างครอบคลุมทั่วถึงทุกขั้นตอน เอาเข้าจริงแล้วคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่หากรัฐบาลจะตั้งกองทุนมั่งคั่งแห่งชาติ ด้วยการนำเงินจากกองทุนสำรองของประเทศมาใช้ในการนี้ เพราะที่ผ่านมา แค่ยังเป็นเพียงแนวคิดก็เกิดเสียงคัดค้านไปรอบด้าน แม้แต่ผู้นำประเทศที่ซื่อสัตย์สุจริต เก่งกาจแค่ไหนก็ตาม
เพราะแม้เพียงแค่คิดเก้าอี้ก็สะเทือนแล้ว.
"สายล่อฟ้า"ไทยรัฐออนไลน์
โดย สายล่อฟ้า
http://www.thairath.co.th/column/pol/gladai/197454