กรณ์หนุน'รวมบัญชี'ล้างหนี้ ชี้ธปท.เหนียวตุนเงินไม่จ่าย 'สามสี'เคลียร์หลวงตาบัว |
ไทยโพสต์-เศรษฐกิจ 6 มีนาคม 2553 - 00:00 "กรณ์" ยังไม่สรุปรวมบัญชีทุนสำรองแก้หนี้ FIDF ชี้แบงก์ชาติแต่งบัญชีทำให้ไม่ต้องจ่ายเงินต้น ระบุเป็น "สามสี" วิ่งเคลียร์ "หลวงตาบัว" นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า แนวทางที่จะลดภาระรัฐบาลเกี่ยวกับหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) นั้น ยอมรับว่ามีหลายวิธี อาทิ การออกพันธบัตรดอกเบี้ยต่ำเพื่อนำไปแลกกับพันธบัตร FIDF ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีดอกเบี้ยสูง ซึ่งแนวทางนี้ไม่ต้องแก้กฎหมาย อีกแนวทางคือการแก้ไขกฎหมาย (พ.ร.บ.เงินตรา) เพื่อรวมบัญชี (บัญชีทุนสำรองเงินตรา บัญชีสำรองพิเศษ และบัญชีผลประโยชน์ประจำปี) โดยแนวทางนี้มีแนวคิดมาตั้งแต่อดีต ซึ่งในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีการเสนอแก้ไขอย่างชัดเจน แต่สุดท้ายไม่ผ่านวาระ 3 ในขั้นตอนของรัฐสภา "กรณีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ที่ค้างมาตั้งแต่วิกฤติปี 40 จำนวนกว่า 1.1 ล้านล้านบาทนั้น ได้สร้างภาระต่องบประมาณอย่างมาก เนื่องจากรัฐบาลต้องตั้งงบชำระดอกเบี้ยพันธบัตรถึงปีละ 6.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งนับได้ว่าเป็นภาระที่หนักและสร้างความหนักใจให้แก่ รมว.คลังทุกยุคทุกสมัย" นายกรณ์กล่าว นายกรณ์ กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมา ได้ปรากฏว่าทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยเพิ่มขึ้นสูงมาก เนื่องจากไทยสามารถขายสินค้าและบริการให้ต่างชาติได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยปัจจุบันมีระดับทุนสำรองถึง 1.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ นับว่าเป็นระดับที่สูงกว่าที่เคยมีมาในอดีต จึงถือเป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลจะต้องพิจารณาหาแนวทางโอนภาระหนี้กลับไป ธปท. เพราะเดิมเป็นหนี้ของ ธปท. แล้วมีการโอนมาให้คลังรับภาระดอกเบี้ย นายกรณ์ กล่าวว่า สาเหตุที่ ธปท.ไม่สามารถชำระหนี้เงินต้นได้เลยนั้น เป็นเรื่องเทคนิคทางบัญชีที่แม้จะมีผลกำไร แต่ผลกำไรนั้นไปอยู่ในบัญชีที่ไม่สามารถนำมาใช้หนี้ได้ ทั้งนี้ ตามหลักการแล้วพันธบัตร FIDF นั้น จะต้องมีการชำระเงินต้นเฉลี่ยปีละ 4 หมื่นล้านบาท แต่ปรากฏว่าทุกวันนี้ไม่มีการชำระหนี้ดังกล่าว ด้านนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวถึงกรณีที่หลวงตา มหาบัวญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี คัดค้านการรวมบัญชีเงินทุนของ ธปท.เป็นบัญชีเดียวว่า ที่หลวงตามหาบัวออกมาคัดค้านการรวมบัญชีนั้น เป็นเพราะท่านอาจยังไม่เข้าใจระบบว่าหากมีการคงบัญชีไว้ในลักษณะเดิม ประเทศต้องชำระดอกเบี้ยถึงปีละ 6-7 หมื่นล้าน ทั้งนี้ หากนำเงินที่ต้องเสียไปนั้นมาพัฒนาประเทศ คงจะสร้างประโยชน์ได้อีกมาก "ก่อนหน้านี้เคยมีการพูดคุยในประเด็นเดียวกันนี้มาแล้ว กับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยทุกฝ่ายก็เห็นพ้องต้องกันว่าควรต้องมีการรวมบัญชี" นายไตรรงค์กล่าว และว่าคงต้องไปกราบหลวงตามหาบัวและอธิบายให้ท่านเข้าใจว่า หากไม่รวมบัญชีแล้วจะมีความเสียหายอย่างไร "เงินที่ท่านมอบมาเราก็ไม่ได้เอาไปทำอะไร เราก็เก็บไว้ในคลังหลวงนั่นแหละ แต่ว่าในส่วนของเงินที่ไม่ใช่ของท่าน น้ำหยดของท่านหยดลงไปในตุ่ม ท่านจะมาอ้างทั้งตุ่มมันไม่ได้" นายไตรรงค์กล่าวและว่า จะต้องศึกษาและหารือกันอีกครั้งว่า ใครจะเป็นผู้คุย. จากhttp://www.thaipost.net/news/060310/18920 |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|