๑๑ จาก กรมธนบัตร... เป็น กองเงินตรา |
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๖๘-๒๔๗๗)
ปัญหาทางเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อันสืบเนื่องมาจากวิกฤตการณ์หลังสงครามโลกครั้งที่ ๑ ภาวะเศรษฐกิจของโลกกำลังตกต่ำอย่างหนักและได้ลามมาถึงประเทศไทย โดยที่การค้าระหว่างประเทศของโลกลดลง เนื่องจากการตั้งกำแพงภาษีสินค้า ทำให้เกิดปัญหาคนว่างงานจำนวนมากในประเทศต่างๆ และก่อให้เกิดความไม่สงบทางการเมืองขึ้นในประเทศไทยด้วยเช่นกัน เนื่องจากส่งข้าวไปขายยังต่างประเทศได้ราคาต่ำมาก ทางราชการจัดเก็บภาษีได้ลดลง งบประมาณแผ่นดินขาดดุล จึงมีการตัดทอนงบประมาณ ยุบกรมกองที่ไม่สำคัญลง นอกจากนี้ ยังมีปัญหาทางการเงินที่ประเทศอังกฤษประกาศออกจากมาตราทองคำ ใน พ.ศ. ๒๔๗๔ เงินปอนด์ของประเทศอังกฤษจึงลดค่าลง ในขณะที่เงินบาทยังคงอยู่ในมาตรฐานทองคำตามเดิม ทำให้จากที่เคยแลกเงินได้ ๑๒ บาทต่อ ปอนด์ เปลี่ยนเป็น ๘-๙ บาทต่อปอนด์ ส่งผลกระทบต่อรายได้เกษตรกรจากการขายข้าวและรายรับของรัฐบาล ปัจจัยหลายประการที่เป็นสาเหตุให้เกิดปัญหา ได้แก่ ความไม่มั่นคงทางการคลัง ความยากลำบากในการพัฒนาประเทศ ความปั่นป่วนทางการเงินระหว่างประเทศ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกใน พ.ศ.๒๔๗๒ ปัจจัยเหล่านี้ก่อให้เกิดปัญหาซึ่งเป็นภาระอันหนักมากของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้ทรงแก้ไขด้วยวิธีต่าง ๆ หลายประการได้แก่การย้ายทองคำแท่งจากปารีสไปฝากที่อังกฤษ การจ่ายเงินประเภทลดหนี้เงินกู้เพื่อรับซื้อพันธบัตรไทย ถอนเงินปอนด์ ซื้อทองคำ ขายเหรียญบาทที่มีอยู่เกินความต้องการให้แก่พ่อค้าเนื้อเงินในตลาดลอนดอน ใช้หนี้เงินกู้ การตัดทอนรายจ่ายของแผ่นดินโดยยุบเลิกกรมกองต่าง ๆ ให้ข้าราชการออกบางส่วน ตลอดจนการเปลี่ยนระบบการเงินที่ผูกพันกับมาตราทองคำเข้าสู่มาตรฐานปอนด์สเตอร์ลิงในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ โดยกำหนดให้เงินบาทมีอัตราแลกเปลี่ยนคงที่กับเงินปอนด์ทั้งนี้เพื่อเพิ่มรายได้เป็นเงินบาท และเพื่อความแน่นอนในอัตราแลกเปลี่ยนที่จำเป็นสำหรับการค้าขาย พร้อมกันนั้นทุนสำรองของไทยทั้งหมดก็เปลี่ยนไปเป็นปอนด์สเตอร์ลิงจากการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ก่อให้เกิดผลดี เช่น ทำให้ค่าเงินบาทมั่นคงมากขึ้น การค้ากับต่างประเทศดำเนินไปได้ด้วยดีสามารถแก้ไขงบประมาณที่ขาดดุลได้ แต่จากผลกระทบที่เกิดขึ้นก็ทำให้การพัฒนาประเทศหยุดชะงักและเป็นผลสืบเนื่องให้เกิดการปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๕ มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ มีรัฐสภาเป็นองค์กรตัวแทนของประชาชนเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ
|
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|