๑๖ ทุนสำรองเงินตรา ไม่ใช่ของธนาคารแห่งประเทศไทย |
หมายเหตุ ๑. ทุนสำรองทั่วไป ฝ่ายการธนาคาร เป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยเท่านั้น ในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ รัฐบาลมีความเห็นเกี่ยวกับกฎหมายเงินตราว่า เหตุการณ์ในช่วง ๓๐ ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องประสบกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ บางครั้งล่อแหลมต่ออธิปไตย จึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่างๆ หลายวาระให้สอดคล้องกับสภาวะการณ์ ด้วยเหตุนี้ กฎหมายว่าด้วยเงินตราที่ใช้ตลอดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๑ จึงถูกนำมาแก้ไขเป็นระยะๆ รวมแล้วมีจำนวนมากมายหลายสิบฉบับ ทั้งตัวบทในพระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกาและกฎกระทรวง มีหลักจัดการเงินตราระบบถาวรอันเป็นอยู่แต่ดั้งเดิม แต่ได้ถูกระงับการใช้บังคับไปโดยปริยายก็มี หรือหลักจัดการเงินตราในระบบชั่วคราวแต่ใช้บังคับแทนก็มี เป็นการสับสนปะปนกันอยู่และกระจัดกระจายไม่เป็นหมวดหมู่ · เพื่อดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพของเงินตรา ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรักษา “ทุนสำรองเงินตรา” ไว้ก้อนหนึ่ง สินทรัพย์ที่มีอยู่ในทุนสำรองเงินตรามีหลายประเภท ประกอบด้วยบัญชีสำคัญ ๓ บัญชี คือ ๑. บัญชีทุนสำรองเงินตรา[1]
ในระยะต่อมาจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลได้มีการปรับปรุงแก้ไข พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. ๒๕๐๑ หลายครั้ง เช่น ในปี พ.ศ. ๒๕๑๐, ๒๕๑๔, ๒๕๑๖ และ ๒๕๒๑ เป็นต้น การแก้ไขแต่ละครั้งมีความจำเป็น มีหลักการและเหตุผลต่างกันไป อย่างไรก็ตามการแก้ไขทุกครั้งมิได้กระทบกระเทือนในหลักการสำคัญของ “ทุนสำรอง” ที่กำหนดให้เก็บสะสมไว้ด้วยความมั่นคงปลอดภัย และให้กันไว้มิให้ปะปนกับสินทรัพย์ใดๆ ในแผ่นดิน จึงสอดคล้องกับหลักการและเจตนารมณ์เดิมในอดีต เนื่องจากเราใช้ “ธนบัตร” เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน และออกใช้หมุนเวียนในท้องตลาด ดังนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงต้องสร้างหลักประกันให้ธนบัตรทุกฉบับมีค่าตามราคาที่ระบุไว้บนธนบัตร จึงกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ว่าธนบัตรจะนำออกใช้ได้มี ๒ กรณีเท่านั้น คือ ๕. ใบสำคัญสิทธิซื้อส่วนสำรอง ๗. หลักทรัพย์รัฐบาลไทยที่จะมีการชำระหนี้เป็นเงินตราต่างประเทศที่ระบุไว้ใน ๒ หรือเป็นบาท สำหรับการจ่ายสินทรัพย์ทุนสำรองเงินตรานั้น พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. ๒๕๐๑ ยังกำหนดไว้ ห้ามมิให้จ่ายทุนสำรองเงินตรา เว้นแต่ ๒ กรณี ดังนี้ ๒. จัดทำบัญชีของฝ่ายออกบัตรธนาคารแยกบัญชีต่างหาก เพื่อแสดงฐานะการเงินของเงินสำรองที่ใช้หนุนหลังธนบัตร พร้อมดอกผลและกำไรจากการตีราคาทรัพย์สิน สำหรับทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ซึ่งมีทุนเริ่มแรกในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ โดยได้รับโอนมาจากสินทรัพย์ทุนสำรองเงินตราส่วนที่เกินจำนวนธนบัตรออกใช้เป็นมูลค่า ๖๓ ล้านเหรียญสหรัฐ นั้น ต่อมาในปื พ.ศ. ๒๕๐๗ รัฐบาลได้ออกกฎหมายโอนทุนสำรองเงินตราส่วนที่เกินธนบัตรออกใช้ที่เกิดจากการกำหนดค่าเสมอภาคของเงินบาทเข้าเป็นสินทรัพย์ของทุนรักษาระดับแลกเปลี่ยนเงินตราอีกเป็นจำนวน ๑๒,๒๗๓,๙๗๖.๑๙ เหรียญสหรัฐ รวมเป็นทุนดำเนินการทั้งสิ้น ๗๕,๒๗๓,๙๗๖.๑๙ เหรียญสหรัฐ หรือ ๑,๕๖๕,๖๙๘,๗๐๔.๗๕ บาท ตามอัตราค่าเสมอภาค ๑.๐๐ เหรียญสหรัฐ เท่ากับ ๒๐.๘๐ บาท |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|