ลืมรหัสผ่าน?
  • Narrow screen resolution
  • Wide screen resolution
  • Auto width resolution
  • Increase font size
  • Decrease font size
  • Default font size
  • default color
  • red color
  • green color
Home arrow คลังหลวงแห่งประเทศไทย ตอนที่ 2 arrow ๒๓ หลวงตาเน้น..ทองคำ หลักประกันชาติ
๒๓ หลวงตาเน้น..ทองคำ หลักประกันชาติ PDF พิมพ์ อีเมล์
 p23.1.jpg                 
             
               ในการรับบริจาคเงินดอลลาร์และทองคำเข้าโครงการช่วยชาติของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
นั้น หลวงตาเน้นการบริจาคด้าน ทองคำ มากกว่าอย่างอื่น ด้วยเหตุผลที่ท่านกล่าวไว้ในระยะแรกๆ ของโครงการคือเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ ว่า
              
...เมืองไทยเรานี้คราวนี้เป็นคราวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ถ้าทรงตัวได้เอาตัวรอดได้ก็เป็นคราวนี้ ถ้าคราวนี้ไม่ได้แล้วไม่มีหวังว่างั้นเลยนะ ไม่ทราบว่าใครจะมาสามารถยกเมืองไทยทั้งประเทศขึ้นได้ นี่ลงศาสนา พระมหากษัตริย์ พี่น้องชาวไทยเรายกไม่ขึ้นแล้วไม่มีใครยกขึ้นว่างี้เลย เราเอาตรงนี้ตรงสำคัญ
           
ทองคำเป็นสิ่งที่ต้องการมากที่สุดเพื่อเป็นหลักสมบัติประกันชาติไทยของเรา เมื่อมีทองคำมากแล้ว การพิมพ์ธนบัตรเพิ่มเติมใช้อีกก็ยังได้อีก ตามปริมาณของทองคำที่มีมากน้อยในคลัง นี่ยังมีส่วนได้อีกนะ เราจึงต้องเสาะแสวงหาทองคำมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งเลย ให้เป็นอันดับหนึ่ง เรียกว่าทองคำนี้เป็นสมบัติคงคลังว่างั้นเถอะ ให้เหลืองอร่ามอยู่ในคลังหลวงของเราแล้วสง่างามองอาจกล้าหาญ ถ้ามีทองคำอยู่ในคลัง ถ้าไม่มีนี้ไม่องอาจนะ ล่อแหลมต่ออันตรายได้ง่ายๆ ถ้ามีทองคำคงคลังแล้วก็แน่นหนามั่นคง
             
นี่เราไม่ได้ว่าจะเอาน้อยๆ นะ คราวนี้ทองคำจะเอาเป็นตันๆ ไม่ใช่น้อยๆ นะ ไม่งั้นไม่เหมาะกับชาติไทยของเราซึ่งเป็นชาติใหญ่โต ตั้ง ๖๐ กว่าล้านคน ทองคำไม่ได้กี่ตันเป็นประโยชน์อะไร ไม่สมชื่อสมนามกับเมืองไทยของเรา
             
ให้มันเข้มแข็งซี ให้เขาได้เห็นความสามารถของคนไทยเราคราวนี้ เป็นยังไงเมืองไทยคราวนี้ มีพระนำหน้าด้วย ศาสนา พระมหากษัตริย์ นำหน้าเป็นยังไงเวลานี้ เขาก็ยิ่งจะจ้องมากละ เอากันให้เต็มยันทุกคนนะอย่าถอยหลัง ถอยไม่ได้ เวลานี้ถอยไม่ได้ ฟังแต่ว่าถอยไม่ได้ ให้ก้าวหน้าเรื่อยไป
             
คนทุกคนเป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น เวลากระเทือน กระเทือนทั่วประเทศไทยเหมือนกันหมดเลย เวลาชุ่มเย็นก็ชุ่มเย็นทั่วกันหมด เพราะฉะนั้นจงให้พากันตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติหน้าที่ของตนเต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่าถอยหลัง แล้วมีพระนำหน้าเสียด้วย ศาสนานำหน้า พระมหากษัตริย์นำหน้าด้วย เป็นมหามงคลอย่างยิ่งแก่ชาติไทยของเรา แก่โครงการของเราแล้ว…”
        
สมเด็จพระเทพฯ กับ หลวงตา         
            
ต่อมาเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ หลวงตาได้รับนิมนต์ให้เข้าไปชมสถานที่เก็บทองคำของชาติ ห้องมั่นคง ธนาคารแห่งประเทศไทย การสำรวจตรวจตราทุนสำรองทองคำในวันนั้นทำให้หลวงตารู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ดังนี้         
 p23.2.jpg

             “...
นี่ทองคำเก็บเล็กผสมน้อยไปตลอดนะ ฝนตกทีละหยดละหยาดสามารถทำท้องฟ้ามหาสมุทรให้เต็มด้วยน้ำได้ นี่น้ำใจของพี่น้องชาวไทยที่รักชาติพากันเสียสละคนละหยดละหยาด เท่ากับเม็ดฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้า จะทำพื้นแผ่นดินให้เต็มได้ อันนี้ก็เหมือนกัน         
            
คลังหลวงของเราบกพร่องมากนะ เราเป็นผู้ไปดูเอง คลังหลวงทองคำนี้ไม่มีใครดู เรียกว่าห้ามกันเด็ดขาด ได้ทอดพระเนตรเฉพาะสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เท่านั้น แล้วก็หลวงตาฯ เป็นองค์ที่สอง ... ตอนที่เราไปมอบทองคำ เจ้าหน้าที่รับผิดชอบมานิมนต์เราเข้าโดยเฉพาะเลย ... เจ้าหน้าที่เขาบอกว่า นี้ทรงทอดพระเนตรเฉพาะสมเด็จพระเทพฯ เท่านั้น ... แล้วกับหลวงตาเป็นองค์ที่สอง เขานิมนต์เราเข้าไปทุกห้องทุกหับทุกซอกทุกมุม บรรดาที่ทองคำเก็บไว้ตรงไหนบอกหมดละเอียดลออ  เราก็เป็นผู้ถาม ถามเพื่อรู้เหตุผลกลไกความบกพร่องหรือสมบูรณ์อย่างไรบ้างในคลังหลวงของเรา เพื่อประเทศชาติของเรา...         
            
ไปเห็นด้วยตาของตัวเองแล้วรู้สึกว่าใจเสียวๆ เสียววาบอยู่ คือไปดูทองคำของชาติแล้วรู้สึกว่าตกใจอยู่ ทั้งชาติมีแค่นี้หรือ
ทั้งชาติมีเท่านี้หรือ ใจหายอยู่นา เราจึงได้เตือนพี่น้องชาติไทยทั้งหลายให้เห็นความสำคัญให้มากให้เป็นหลักของชาติ หัวใจของเมืองไทยอยู่ตรงนั้นแหละ เราไปดูที่หัวใจของไทยเลย ... เพราะเขาเห็นว่าเราช่วยชาติ อยู่ๆ เขาก็นิมนต์เราไปดูทองคำ ทองคำนี้อยู่ใต้ดินนะ ลงลิฟท์ไปแล้วก็ไปดู อยู่ในลูกกรง เป็นลูกกรงเหล็กใหญ่ๆ มองเห็นทองคำชัดเจน ...          
             
จึงได้ประกาศให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายทราบว่าทองคำเราในคลังหลวงเรามีน้อยมาก ให้พากันพินิจพิจารณา คลังหลวงคือหัวใจของเราทุกคน ในประเทศไทยนี้หัวใจเราอยู่ที่คลังหลวงทุกคนๆ  ให้พยายามหาทองคำให้ได้สืบทอดลมหายใจ ต่างคนต่างพยายามคนละเล็กละน้อย เพิ่มลมหายใจในคลังหลวงของเรามากขึ้นๆ เราจะได้มีความอบอุ่นแน่นหนามั่นคง ...”
            
แม้กาลเวลาของโครงการช่วยชาติจะผ่านไปหลายต่อหลายปี แต่ความสำคัญและคุณค่าของ ทองคำ สำหรับหลวงตานั้น มิได้แปรเปลี่ยนไปด้วยเลย หลวงตายิ่งเน้นหนักมากขึ้นถึงขนาดเร่งด่วนทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินที่มาบริจาคในวันมรณภาพของท่านทั้งหมดไปซื้อทองคำแล้วนำเข้าสู่คลังหลวง เหมือนกับว่าท่านพยายามจะบอกพี่น้องชาวไทยตลอดลูกหลานภายหน้าว่า ทองคำ เป็นสิ่งสำคัญต่อเมืองไทยมากทั้งปัจจุบันและอนาคต ให้ลูกหลานปกปักรักษาและเพิ่มพูนไว้ให้มากจะทำให้ชาติไทยเรามีรากฐานที่มั่นคงถาวร ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้การแสดงธรรมของหลวงตาแทบทุกครั้ง ท่านจะตอกย้ำความสำคัญของทองคำ อย่างต่อเนื่องตลอดมามิเคยขาด แม้ในระยะหลังๆ เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ หลวงตากล่าวอย่างเน้นหนักว่า
               
...เมืองไทยเราทองคำไม่ได้มีมากนะ  ก็เราไปดูเอง พอไปดูเราออกมาก็ประกาศป้างทันทีเลยเรื่องทองคำ จะไม่มีเป็นลมหายใจให้พี่น้องชาวไทยทั้งหลายได้หายใจนะ ทองคำจะไม่มีเหลือแล้วทำอย่างไรกัน จึงได้ฟื้นขึ้นมาจึงได้ทองคำขนาดนี้แหละ พอหายใจได้บ้าง ประเทศไหนๆ เราสอบถามหมด เห็นไหมล่ะธรรม ธรรมไม่ต้องหาคุ้ยเขี่ยขุดค้นที่ไหนไปเรียนที่ไหนมาพูดมันก็พูดได้ถูกต้อง เช่นเราสืบถามว่าทองคำในเมืองไทยเรานี้ที่ไปฝากในประเทศนั้นประเทศนี้เพื่อประกันตัว เวลาติดหนี้ติดสินเขาจะได้เอาทองคำเป็นเครื่องยืนยัน
              
เราคิดไว้เรียบร้อยแล้วก็ถาม ไปฝากเมืองไหนบ้างล่ะทองคำ เมืองนั้นเท่าไร เมืองนี้เท่าไร บอกตรงเป๋งเลยนั่น เราไปยุ่งอะไรเกี่ยวกับใคร แต่เรื่องของธรรมละเอียดนี่ ถามเข้าไปก็ถูกเป๋งๆ เช่นอย่างสหรัฐตั้ง ๕๓ ตัน ทองคำของเราไปอยู่ในสหรัฐตั้ง ๕๓ ตัน ในอังกฤษ ๕ ตัน ปรากฏว่ามีสองประเทศเท่านั้นละ คือเราไปถามจริงๆ เหตุที่ได้ถามก็เนื่องจากวันนั้นเป็นวันที่เราเอาทองคำและดอลลาร์เข้าไปมอบคลังหลวง หัวหน้าคลังหลวงก็นิมนต์เราไปตอนนั้นละ เพราะมีหวัง เมื่อเชิญเราเข้าไปแล้วเหตุการณ์ต่างๆ มันจะเกิดขึ้นในทางผลบวก คิดว่าอย่างนั้นละ
23.23.jpg 
 ไปก็เป็นจริงๆ พอเข้าไปดูเรื่องเรียบร้อยออกมาแล้วก็ออกล่ะ เป็นผลบวกขึ้นมาเรื่อยๆ คุ้ยเขี่ยหาทองคำได้มาเรื่อยๆ อย่างนี้แหละ ถ้าไม่ได้ไปดูก็ไม่ได้อะไร หากได้ก็เล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้รุนแรงเหมือนเราไปเห็นเหตุการณ์มาแล้วพูดได้เต็มปาก ส่วนได้ส่วนเสียพี่น้องชาวไทยเราทราบทั่วหน้ากัน...
             
หลวงตาเมตตาออกมาเป็นผู้นำในการกอบกู้บ้านเมืองและสงเคราะห์โลกด้วยความรู้พิเศษในธรรมที่มิอาจจะมีผู้ใดล่วงรู้ได้ หลวงตาจะใช้การแสดงธรรมอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มีหนักมีเบาตามการพิจารณาของท่านเองโดยไม่มีใครเข้าไปชักจูงหรือโน้มน้าวได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดสิ่งหนึ่งก็คือหลวงตาพิจารณาด้วยความรู้ของท่านเองว่า ทองคำ มีความสำคัญต่อชาติมาก ซึ่งเมื่อได้ทำการศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ก็พบว่าเป็นความจริงตามความรู้ของท่าน ประเทศสำคัญๆ ทั่วโลกต่างมีทองคำสะสมเป็นทุนสำรองด้วยสัดส่วนที่มากกว่าประเทศไทยเรา ทั้งที่ประเทศมหาอำนาจเหล่านั้นมีความสามารถรอบด้านซึ่งน่าจะถือเป็นทุนความรู้ความสามารถที่ประเทศไทยไม่มีและไม่สามารถเอาประเทศไทยไปเปรียบกับเขาได้
              
ประเทศมหาอำนาจเหล่านั้นสามารถผลิตอาวุธ ผลิตสินค้า ได้ด้วยตนเอง มีอุตสาหกรรม เทคโนโลยี ตลอดจนวิชาการต่างๆ ที่เจริญล้ำหน้ามากกว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นข้อได้เปรียบประเทศไทยซึ่งน่าจะเป็นเหตุให้ประเทศเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมีทุนสำรองเลยก็น่าจะมีความมั่นคงเพียงพอ แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นว่านี้ เพราะประเทศมหาอำนาจเหล่านี้นอกจากจะมีความสามารถหลายด้านแล้ว ยังรู้จักคุณค่าของทุนสำรองโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทองคำ ประเทศมหาอำนาจเหล่านี้ต่างก็เก็บสะสมทองคำไว้ในปริมาณที่มากกว่า และด้วยสัดส่วนต่อทุนสำรองทั้งหมดก็มากกว่าประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยยังมีความด้อยในด้านการผลิต อุตสาหกรรม เทคโนโลยี ตลอดจนวิชาการต่างๆ เราก็เป็นรองทุกด้าน ไม่มีความสามารถเป็นของตนเองยังต้องอาศัยความรู้จากต่างชาติ ด้วยความเสียเปรียบเช่นนี้ประเทศไทยจึงควรอย่างยิ่งที่จะเพิ่มการถือครอง ทองคำ ให้มีสัดส่วนที่สูงยิ่งๆ ขึ้นตามพระธรรมเทศนาที่หลวงตาคอยพร่ำสอนชาวไทยให้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของ ทองคำ อยู่เสมอ ในการเก็บรักษา ทองคำ เป็นทุนสำรองนั้นมีการอธิบายเหตุผลไว้หลายประการดังต่อไปนี้

 

 23.23.1.jpg

 

ทำไมธนาคารกลางใช้ ทองคำ เป็นทุนสำรอง
           
สถาบันการเงินต่างๆ ใช้ทองคำเป็นทุนสำรองมานานแล้ว ปัจจุบันปริมาณทองคำที่ถือครองไว้ทั่วโลกมีประมาณ ๓๒,๐๐๐ ตัน  ซึ่งเป็นจำนวนเท่ากับเมื่อ ๖๐ ปีที่แล้ว ประเทศต่างๆ มีเหตุผลที่ดีในการเก็บทองคำเป็นทุนสำรอง ธนาคารกลางบางแห่งก็คำนึงถึงความสำคัญในแง่มุมที่แตกต่างกันไป ตามปัจจัยต่างๆ ต่อไปนี้
๑.     ความหลากหลาย  ทองคำมีราคาเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยของเงินสกุลต่างๆ ที่เป็นทุนสำรอง โดยปกติแล้วการมีทุนสำรองหลากหลายประเภท  จะช่วยทำให้ผลลัพธ์ที่เกิดจากความผันผวนทางเศรษฐกิจลดน้อยลงมากกว่าการมีสินทรัพย์เป็นทุนสำรองเพียงประเภทเดียว     ทองคำมีคุณสมบัติหลากหลายในระบบเงินตรา  ปริมาณของทองคำและความต้องการในตลาดทองคำโลกเป็นตัวกำหนดค่าของทองคำ  ในขณะที่เงินตราสกุลต่างๆ และหุ้นของรัฐบาลขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐ  และนโยบายทางการเงินของธนาคารกลาง  ดังนั้นค่าของทองคำจึงแตกต่างจากค่าของเงินตราสกุลต่างๆ  หรืออัตราการแลกเปลี่ยนระหว่างเงินสกุลต่างๆ  อย่างสิ้นเชิงในการที่สามารถนำไปดำเนินการในด้านต่างๆ
๒.     ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ  ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงที่ทองคำไม่เป็นภาระหนี้สินแก่ผู้ใด สภาวะเงินเฟ้อของสกุลเงินที่เป็นทุนสำรองของประเทศและความเสี่ยงที่เกิดจากหนี้เสียไม่สามารถทำให้สถานะของทองคำด้อยค่าลงได้ ทองคำรักษาค่าของตัวเองโดยสามารถเป็นกำลังซื้อในระยะยาวและเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งในการนำไปเป็นทุนสำรองของธนาคารกลาง  ในขณะที่ค่าของเงินในรูปธนบัตรจะหมดราคาในระยะยาวและในระยะสั้น ดังที่ปรากฏให้เห็นอยู่เนืองๆ
๓.     ความมั่นคงที่เป็นรูปธรรม ในอดีตประเทศต่างๆ ได้วางมาตรการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราที่เลวร้ายที่สุดก็คือการตรึงราคาสินทรัพย์ไว้ทั้งหมด ดังนั้นทุนสำรองประเภทหุ้นต่างประเทศจึงเป็นอันตรายต่อมาตรการดังกล่าวข้างต้น แต่สำหรับทองคำอันตรายน้อยกว่ามาก(หากเก็บในที่เหมาะสม)เป็นทุนสำรองประเภทมีไว้เมื่อคราวที่ต้องการ ดังนั้นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องและสามารถชำระหนี้ได้  จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง  ทองคำมีคุณสมบัติข้อนี้
๔.     ความจำเป็นที่คาดไม่ถึง  มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้ คือ สถานภาพปัจจุบันไม่สามารถดำรงคงที่ได้ตลอดไป การพัฒนาทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและประเทศต่างๆ ทั่วโลก มักจะทำให้โครงการต่างๆ ของแต่ละประเทศยุ่งยาก อีกทั้งวิกฤตการณ์ต่างๆ ทั่วโลกจะมีผลกระทบต่อระบบการเงินระหว่างประเทศทั้งระบบเช่นกัน การมีทองคำเป็นทุนสำรองจึงเป็นการแก้ไขปัญหาสำหรับอนาคต ทองคำสามารถประกันภัยต่างๆ ในกรณีที่อาจมีวิกฤตการณ์ที่สร้างความหายนะ เช่น  สงคราม  สภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน กรณีที่ประเทศใหญ่ๆ ที่เป็นลูกหนี้ปฏิเสธการชำระหนี้  สภาวะเศรษฐกิจถดถอย การคว่ำบาตรทางการค้า และ การถูกปล่อยเป็นประเทศโดดเดี่ยวจากนานาประเทศ
๕.     ความเชื่อมั่น  ประชาชนจะมั่นใจเมื่อทราบว่ารัฐบาลมีทองคำเป็นทุนสำรอง ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่คงทนถาวร และไม่ไปเกี่ยวข้องกับสภาวะเงินเฟ้อของธนบัตร ทุกประเทศให้ความสำคัญอย่างเด่นชัดในการสนับสนุนทองคำไว้ในระบบเงินตราของประเทศ (ยกเว้นประเทศไทย เนื่องจากหลายสิบปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีทุนสำรองเป็นทองคำในปริมาณและสัดส่วนที่ต่ำมาก และยังมีทีท่าที่ไม่ใส่ใจต่อการปรับเพิ่มปริมาณและสัดส่วนการถือครองทองคำแม้แต่น้อย มีเพียงหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และประชาชนชาวไทยเท่านั้นที่อุตสาหะวิริยะและเสียสละสะสมทองคำเข้าเป็นทุนสำรอง) คณะกรรมการบริหารของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งเปรียบเสมือนรัฐบาลของโลก  ได้ยอมรับว่าทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์สำรองของกองทุนได้เพิ่มความมั่นคงพื้นฐานต่อบัญชีงบดุล  เช่นเดียวกับทองคำที่มีต่อบัญชีงบดุลของธนาคารกลางต่างๆ
๖.     รายได้  มีผู้ให้อรรถาธิบายว่าทองคำเป็นทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง มีตลาดแลกเปลี่ยนทองคำและทองคำสามารถแลกเปลี่ยนให้เพิ่มพูนกำไรได้มากขึ้น ในประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำไม่ค่อยมีใครนึกถึงโอกาสที่ดีที่มีทองคำอยู่ในครอบครอง ทั้งๆ ที่ผลประโยชน์ต่างๆ ของทองคำอาจจะชดเชยค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้
๗.    หลักค้ำประกัน การถือครองทองคำสามารถเปรียบเสมือนได้รับเบี้ยประกัน เนื่องจากทองคำสามารถนำไปปกป้องวิกฤตการณ์ที่ก่อให้เกิดความหายนะ เช่น สงคราม ความผันผวนที่คาดไม่ถึงของสภาวะเงินเฟ้อ กรณีที่ประเทศใหญ่ที่เป็นลูกหนี้ปฏิเสธการชำระหนี้    สภาวะเศรษฐกิจถดถอย การคว่ำบาตรทางการค้า หรือการถูกปล่อยเป็นประเทศโดดเดี่ยวจากนานาประเทศ 
๘.     สถานการณ์ภายในประเทศ  เป็นหน้าที่ของรัฐบาลและธนาคารกลางที่จะพิจารณาจากสถานการณ์ภายในประเทศของตนว่าควรจะเก็บไว้เท่าใด อัตราเฉลี่ยของประเทศต่างๆ ทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ ๑๐.๕ % คิดตามราคาตลาดปัจจุบัน สำหรับประเทศต่างๆ ที่ประสบปัญหาการผันผวนทางเศรษฐกิจและการเมืองก็ต้องพิจารณาปริมาณทองคำเป็นทุนสำรองแตกต่างกันออกไปตามเหมาะสม 
การถือครองทุนสำรองทองคำของประเทศต่างๆ          
             p23.5.jpg
ทุนสำรองระหว่างประเทศทำหน้าที่หลายประการ ตั้งแต่การรักษาเสถียรภาพค่าเงินภายในประเทศ การสะสมมูลค่าสินทรัพย์ของประเทศ จนถึงการเก็บไว้เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจในยามที่เกิดความจำเป็นขึ้น ในปัจจุบันนี้ ประเทศต่างๆ ถือครองทุนสำรองระหว่างประเทศในรูปเงินตราสกุลต่างๆ มากขึ้นเพื่อสนองความต้องการของธุรกรรมการเงินที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศและการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ ดังนั้นทุนสำรองระหว่างประเทศโดยรวมจะมากน้อยเพียงใดมักขึ้นอยู่กับความต้องการตามขนาดของเศรษฐกิจและนโยบายของธนาคารกลางที่จะรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนของเงินตรา
         
               
มูลค่าทุนสำรองระหว่างประเทศสามารถเพิ่มขึ้นหรือหดหายไปได้ตามการแทรกแซงค่าเงินของธนาคารกลาง เช่นเมื่อค่าเงินเหรียญสหรัฐถีบตัวสูงขึ้น ธนาคารกลางบางประเทศก็จะระบายทุนสำรองที่เก็บไว้ในรูปดอลลาร์ซึ่งจะทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศหดตัวดังเช่นในกรณีวิกฤตการณ์ค่าเงินบาทปี พ.ศ. ๒๕๔๐ หรือเมื่อค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลง ธนาคารกลางบางประเทศก็จะนำเงินภายในประเทศไปซื้อสินทรัพย์ดอลลาร์ซึ่งจะทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นโดยสภาพคล่องภายในประเทศจะทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาวะเงินเฟ้อ ถ้าธนาคารกลางเอาทองคำที่เก็บไว้ออกขายเพื่อเก็บสินทรัพย์ไว้ในรูปดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนของทองคำก็จะลดลงและอาจมีผลต่อการถือครองทองคำไว้เพื่อความมั่นคงในอนาคต
         
               
ทองคำมีมูลค่าที่เปลี่ยนแปลงตามภาวะตลาดทองคำ จึงมีข้อดีที่มีราคาไม่เคลื่อนไหวตามค่าเงินซึ่งอาจถูกกำหนดโดยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่เป็นเจ้าของเงินตราสกุลหลักเพียงไม่กี่ประเทศ ประเทศพัฒนาแล้วมักถือทุนสำรองระหว่างประเทศเพื่อความมั่นคงมากกว่าการแทรกแซงค่าเงินและมักถือครองเป็นทองคำมากกว่าเงินตราหรือเงินกระดาษ จากข้อมูลการถือครองทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศของ
IMF ซึ่งอาศัยข้อมูลธนาคารกลางของประเทศต่างๆ สหรัฐอเมริกาถือครองเป็นทองคำในสัดส่วนสูงถึงร้อยละ ๗๗.๐๕ และยุโรปถือครองเป็นสัดส่วนร้อยละ ๔๐ ส่วนตัวเลขเฉลี่ยของประเทศทั่วโลกเท่ากับร้อยละ ๑๐.๕ ในกรณีของประเทศไทย จากตัวเลขของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ สัดส่วนการถือครองทองคำคิดเป็นเพียงร้อยละ ๒.๔๗ (ตัวเลข ณ สิ้นเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐) นับว่าสัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าเฉลี่ยของโลกมาก
·             ปริมาณทุนสำรองทองคำอย่างเป็นทางการธนาคารกลางต่างๆ ใช้ทองคำเป็นทุนสำรอง  เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีค่ายิ่ง  ปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๗  ธนาคารกลางและองค์กรต่างๆ ของรัฐเก็บทองคำเป็นทุนสำรองเป็นจำนวน ๑๙ % ของทองคำที่มีทั้งหมดในโลก  ในปี พ.ศ.  ๒๕๔๔  มีจำนวนทองคำที่ขุดมาใช้ถึง  ๑๔๕,๐๐๐ ตัน  ทองคำ ๑ ตันเท่ากับ ๑,๐๐๐ กก.  (หรือ  ๓๒,๑๕๐ ทรอยออนซ์) 
·             ทองคำทุนสำรองของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)กองทุนการเงินระหว่างประเทศมีทองคำเป็นทุนสำรองอยู่  ๓,๒๑๗ ตัน  โดย ๓ ใน ๔ ของทองคำที่เป็นทุนสำรองของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ  ได้รับจากประเทศกลุ่มจี 5 ได้แก่ ฝรั่งเศส  เยอรมัน  ญี่ปุ่น  สหรัฐ  และอังกฤษ 
·       ปริมาณทองคำที่องค์กรอื่นมีปี พ.ศ.  ๒๕๕๐  กองทุนแลกเปลี่ยนทองคำเพื่อการค้ามีทองคำ ๖๒๙ ตัน  สำหรับผู้ลงทุนที่เป็นเอกชนและองค์กรต่างๆปี พ.ศ.  ๒๕๔๗  ประมาณว่าคนอินเดียมีทองคำจำนวน ๑๓,๐๐๐ ตัน  ในรูปทองรูปพรรณและอื่นๆสภาทองคำโลกได้จัดอันดับประเทศที่ถือครองทองคำเป็นทุนสำรองที่มีปริมาณมากที่สุด ดังตารางที่ ๑ ณ วันที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘ และ ณ วันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ อันดับที่เรียงตามการจัดอันดับเมื่อปี พ.ศ.  ๒๕๔๘ สหรัฐอเมริกาถือครองทองคำมากที่สุด ๘,๑๓๓.๕๐ ตัน แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะเป็นประเทศที่ถือครองทองคำมากที่สุด แต่ถ้าดูจากยอดรวมประเทศต่างๆ ในสหภาพยุโรปจะถือครองปริมาณทองคำที่มากกว่า คือ จำนวน ๑๑,๐๕๕ ตัน เมื่อ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
 23.23.8.jpg
ตารางที่ ๑ แสดงปริมาณการถือครองปริมาณทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศของประเทศต่างๆ (หน่วย: ตัน)
 23.23.9.jpg
ที่มา : World Gold Council
 
 ตารางที่ ๒ แสดงสัดส่วนการถือทองคำต่อทุนสำรองของประเทศต่างๆ (ร้อยละ)
23.23.10.jpg
หมายเหตุ   : ตัวเลข ราคาทองคำต่อตัน ของ สหรัฐอเมริกา เป็นราคาเฉลี่ยทองคำต่อตันจากประเทศยุโรป ๑๐ ประเทศ (ประมาณ  ๒๗.๐๙ ล้านเหรียญต่อตัน)

ทุนสำรองทองคำของธนาคารกลางแยกเป็นกลุ่มประเทศ          ในระยะ ๒๕ ปีที่ผ่านมา มีการจัดทำข้อมูลปริมาณทองคำสำรองในธนาคารกลางโดยแยกเป็นกลุ่มประเทศทางด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ และพันธมิตรทางการเมือง ซึ่งนำข้อมูลบางส่วนในปี พ.ศ.  ๒๕๒๓, ๒๕๓๓  และในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ จากเว็บไซต์ของ Gold Anti-Trust Action Committee ดังนี้
  อัลจีเรีย อียิปต์ อินโดนีเซีย คาซักสถาน คูเวต เลบานอน ลิเบีย มาเลเซีย โมรอคโค ปากีสถาน ซาอุดิอารเบีย ซีเรีย ตูนิเซีย และตุรกี
กลุ่มประเทศในยุโรปตะวันออก - รัสเซีย
   บัลกาเรีย สาธารณรัฐเชก ฮังการี ลัตเวีย ลิทัวเนีย มาซีโดเนีย โปแลนด์ โรมาเนีย รัสเซีย สโลวาเกีย สโลเวเนีย และยูเครน
กลุ่มประเทศลาตินอเมริกา  (อเมริกาใต้)
   อาร์เจนตินา อารูบา โบลิเวีย เอควาดอล เอลซาวาดอล กัวเตมาลา  เนเธอแลนด์แอนติลิส  เปรู และเวเนซูเอลา
กลุ่มประเทศเอเชีย
   บาร์เรน กัมพูชา จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี มองโกเลีย พม่า เนปาล ฟิลิปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทย
กลุ่มยุโรป
 
ออสเตรีย เบลเยี่ยม เดนมาร์ก ยุโรปตอนกลาง สหภาพยุโรป ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมัน กรีซ ไอร์แลนด์
อิตาลี ลักเซมเบอร์ก เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส สเปน นอร์เวย์ สวีเดน และสวิตเซอร์แลนด์
กลุ่มสหรัฐอเมริกา
                  ออสเตรเลีย บราซิล คานาดา ชิลี โคลัมเบีย อิสราเอล จอร์แดน เม็กซิโก โอมาน การ์ตา อัฟริกาใต้ ยูไนเต็ดอาหรับอะมีเร็ท สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และอุรุกวัย 
23.23.11.jpg 

ด้วยเหตุผลและข้อมูลที่ได้แสดงมาโดยลำดับทำให้เห็นถึงความสำคัญของ ทองคำ อย่างชัดเจน ในตอนท้ายของบทนี้จะขอจบลงด้วยคำเทศนาที่หลวงตารับรองว่าถูกต้องแม่นยำดังนี้...ทองคำเป็นสำคัญมากทีเดียว เพราะทองคำเป็นหัวใจของชาติ ชาติไหนก็ตามที่มีทองคำมากชาตินั้นสง่างาม เป็นที่เกรงขามของโลกทั่วๆ ไป ถ้าชาติไทยมีทองคำน้อยและไม่มีทองคำชาตินั้นเหลวไหล ไม่มีศักดิ์ศรีดีงามอะไรเลย ศักดิ์ศรีทั้งหลายมันไปขึ้นอยู่กับสมบัติเครื่องประดับชาตินะ เหล่านี้เป็นเครื่องประดับชาติเรา อยู่แต่ตัวเฉยๆ ก็ไม่ผิดอะไรกับสัตว์ มนุษย์เรามีคุณค่าเพราะเครื่องประดับประจำชาติมนุษย์ และศีลธรรมเป็นของสำคัญมากทีเดียว
สร้อยคอ แหวน กำไล เข็มขัด ตุ้มหู  ล้วนแต่เป็นทองคำบริจาคที่มาจากความรักชาติของชาวไทยทั้งประเทศ
นี่ละที่เราเห็นทองคำเข้ามาสู่คลังหลวงของเราไหลเข้ามาเรื่อยๆ ขึ้นจากความรักชาติของเรา ความรักชาติและความสามัคคี ฟังเสียงหัวหน้า หัวหน้าคิดเป็นธรรมพาก้าวเดินอย่างไรให้เดินตามนั้น เราเป็นลูกชาวพุทธหัวหน้าของเราคือพระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวกนำธรรมที่ประกาศธรรมสอนโลกอย่างถูกต้องแม่นยำมาสั่งสอนพวกเรา ให้พยายามเดินตามธรรม เดินตามอย่างอื่นแล้วไม่ค่อยแคล้วคลาดปลอดภัยนะ ส่วนเดินตามธรรมนี้สงบร่มเย็นเป็นลำดับ...
23.23.12.jpg 

ขั้นตอนการหลอมทองคำบริจาคเป็นทองคำระดับมาตรฐานโลก

เพื่อใช้เป็นทุนสำรองของชาติ
 23.23.13.jpg

 

 23.23.14.jpg

 

 

 
< ก่อนหน้า   ถัดไป >

Website ที่เกี่ยวข้อง

 

ติดต่อ

www.luangta.com