๓๔ หลวงตาสอน..รักษาคลังหลวง อย่าอีลุ่ยฉุยแฉก |
เมื่อรัฐบาลได้มีมติรับร่างแก้ไขพระราชบัญญัติเงินตราซึ่งมีเนื้อหาที่ล่วงล้ำเข้ามาแตะต้องเงินคลังหลวงโดยคิดในมุมเดียวว่าจะเอาไปลงทุนเพื่อให้มีดอกผลที่สูงขึ้นโดยไม่คิดในทางกลับกันบ้างว่าหากไม่เป็นเช่นนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศชาติ ด้วยเมตตาธรรมของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านจึงได้เขียนจดหมายขอบิณฑบาตต่อรัฐบาลให้ยกเลิกแนวความคิดเช่นนี้ ดังคำเทศนาของหลวงตาต่อไปนี้ อันไหนแยกแยะ อะไรที่ควรให้ออกก็ปล่อยเขาไป อันไหนที่ควรจะเก็บไว้ เป็นเรื่องของเราที่เอาเข้าไปเพื่อเก็บให้เก็บ ไม่ให้ไป อีลุ่ยฉุยแฉก เราต้องได้ติดตามเรื่อย เรื่องอะไรก็หลวงตาบัวนี่ละเข้าเรื่อย เข้ากระทรวงเรื่อย คือเราเข้าเราเข้าจริงๆ นี่นะ เอ้า เถียงมาว่างั้นเลยถ้าลงได้ออกแล้ว ถูกต้องๆ เลย เหล่านั้นมันอีลุ่ยฉุยแฉกเห็นแก่ได้แก่เอา เอาอำนาจบาตรหลวงเข้าใส่บ้างอะไรป่าๆ เถื่อนๆ เราอย่างนั้นไม่ได้ ไม่มีอะไรเหนือธรรมเท่านั้นพอ ...” โลกสกปรก ธรรมถึงต้องชะล้าง “...เกือบเป็นเกือบตายการช่วยชาติของเรา ไม่ใช่ธรรมดา เราบวชมาเราไม่เคยสนใจว่าจะช่วยชาติบ้านเมืองประเภทดังที่ช่วยอยู่เวลานี้นะ ก็ได้หลวมตัวเข้ามาช่วยแล้ว เมื่อช่วยแล้วเป็นยังไงก็ต้องฟัดกันเข้าใจไหม จึงเรียกว่าช่วยจึงเรียกว่านักสู้ซี สู้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เราเสียหายที่ตรงไหน หลักธรรมวินัยไม่ขัดข้อง อะไรที่ขัดต่อธรรมวินัยไม่เล่นด้วย กลับตัวทันทีเลย อะไรที่เป็นทางเดินตามธรรมวินัยและถูกต้องแม่นยำเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมแล้วเอา......แล้วทางวัดเราไปเกี่ยวข้องก็เพราะเราขนเงินเข้าคลังหลวงละซิเราถึงเกี่ยวข้องได้ เราทำเรามีหลักมีเกณฑ์ทุกอย่างมาค้านไม่ได้นะ นี่ตีเข้าไปในคลังหลวงน่ะ เพราะเงินเราเข้าคลังหลวงๆ แล้วจะมาเอาไปอีลุ่ยฉุยแฉกไม่ได้ ก็ไม่พ้นเรื่องของเราไปเกี่ยวข้องจนได้ละ เกี่ยวก็เกี่ยวเถอะ ก็เราเอาน้ำสะอาดมาชะล้างของสกปรกผิดไปไหนว่ะ พระพุทธเจ้าสอนโลกก็สอนพวกสกปรกนั่นเอง สะอาดแล้วท่านไม่สอน สอนแต่พวกสกปรก ธรรมสอนโลกก็สอนอย่างนั้นซิจะให้ว่าไง...” |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|