ลืมรหัสผ่าน?
  • Narrow screen resolution
  • Wide screen resolution
  • Auto width resolution
  • Increase font size
  • Decrease font size
  • Default font size
  • default color
  • red color
  • green color
Home arrow คลังหลวงแห่งประเทศไทย ตอนที่ 2 arrow ๓๖ วัตถุเป็นพื้นฐาน ธรรมะกระจายทั่วแผ่นดิน
๓๖ วัตถุเป็นพื้นฐาน ธรรมะกระจายทั่วแผ่นดิน PDF พิมพ์ อีเมล์

p36.7.jpg

ด้วยความห่วงใยชาติบ้านเมืองในยามเกิดวิกฤต ทำให้หลวงตาท่านมิอาจนิ่งนอนใจอยู่ได้ ยอมแบกสังขารซึ่งชราภาพมากแล้ว ออกเดินทางไปทั่วทุกสารทิศเพื่อรวบรวมน้ำใจความรักชาติ ความเสียสละของชาวไทยเข้าเยียวยาชาติ ยามมีชีวิตอยู่ท่านก็มิได้ทอดธุระ แม้ในยามที่ท่านจะสละละขันธ์จากโลกนี้ไป ท่านก็ยังมิยอมปล่อยชาติบ้านเมืองนี้ไว้แบบเรือที่ล่องลอยอยู่กลางนาวาอย่างไร้ทิศทางไม่เห็นฝั่ง ซึ่งวันหนึ่งย่อมประสบกับคลื่นลมมรสุมน้อยใหญ่ และจะต้องอับปางลงไปในที่สุด ด้วยเมตตาธรรมของหลวงตาถึงกับทำให้ท่านทำ พินัยกรรม โดยยกสมบัติของท่านให้เป็นสมบัติของชาติ หวังให้เป็นมรดกตกทอดถึงลูกหลานสืบไป ดังคำกล่าวตอนหนึ่งว่าp36.1.jpg...เวลาเรามีชีวิตอยู่ เราก็ช่วยอย่างนี้เต็มกำลังความสามารถเวลาตายไปแล้ว สมบัติเงินทองข้าวของที่พี่น้องชาวไทยมาบริจาคเพื่อเผาศพเรานั้นเราจะเอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงทั้งหมดสำหรับตัวหลวงตาเองนั้น จะเผาด้วยไฟ ไม่ได้เผาด้วยเงิน...

        สิ่งที่ท่านย้ำเตือนเสมอในที่ต่างๆ ถึงต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริงของชาตินั้น ก็เนื่องจากมนุษย์เราขาดธรรมะนั่นเอง หลวงตากล่าวว่า ที่ท่านออกมาช่วยชาติในครั้งนี้ ท่านต้องการฟื้นฟูเป็นอันดับที่หนึ่งก็คือ จิตใจ และ วัตถุ ก็จะฟื้นฟูติดตามกันมา นอกจากนี้หลวงตายังเมตตาให้หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการรักษาตนรักษาชาติดังพระธรรมเทศนาต่อไปนี้
          ...อุฏฐานสัมปทา ให้มีความขยันหมั่นเพียรในกิจการงานที่ชอบ อย่าขี้เกียจขี้คร้าน           อารักขสัมปทา เมื่อเราเสาะแสวงหามาได้มากน้อย ให้พยายามเก็บรักษา แล้วแบ่งไว้สำหรับกินของเราสำหรับใช้ของเรา สำหรับการเจ็บไข้ได้ป่วยทุกอย่างเป็นความจำเป็น ให้แยกแยะสมบัติที่ได้มานั้นให้เป็นสัดเป็นส่วน ด้วยความมีเหตุมีผล อย่าได้ใช้แบบสุรุ่ยสุร่าย          สมชีวิตา การเลี้ยงชีพไปวันหนึ่ง ๆ นั้น ให้พอเหมาะพอดีกับครอบครัวสังคมของเรา อย่าให้ฟุ้งเฟ้อเกินเนื้อเกินตัวเกินฐานะของตัวเอง           กัลยาณมิตตตา การคบค้าสมาคมกับเพื่อนฝูงไม่ว่าหญิงว่าชาย ให้มีการระมัดระวัง การคบค้าสมาคมนี้เป็นสำคัญมากทำคนให้ล่มจมได้มากมาย ก่อนที่จะคบค้าสมาคม ให้ใช้ความพินิจพิจารณาโดยทางจิตวิทยาเท่าที่ควรก่อน แล้วค่อยคบค้าสมาคมกันไป เราจะไม่ได้ประสบหรือไม่ได้เจอสิ่งที่เลวร้าย คือคนพาลที่จะทำความเสียหายแก่เราถึงขั้นล่มจมก็มีได้          ในธรรม ๔ ข้อนี้มีไว้สำหรับชาวพุทธเรา ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ปฏิบัติตามในข้อนี้...p36.2.jpg
รักชาติ ต้องส่งเสริมสินค้าไทย“…เมืองไทยเราเป็นเมืองฟุ้งเฟ้อมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย เพราะไม่เคยอดเคยอยาก สมบูรณ์พูนผลตลอดมา ทีนี้เวลามาเจอเหตุการณ์เข้าอย่างประจักษ์ใจประจักษ์ตาแล้วมันปรับไม่ทัน เพราะอย่างนั้นจึงได้เตือนเสมอ อย่าฟุ้งเฟ้อนะ เมืองไทยเราชอบเป็นเมืองฟุ้งเฟ้อตลอด เอะอะเมืองไทยเรานี้ละเป็นกองรับเหมานะ อะไรเมืองไทยเรารับเหมาหมด ถ้าว่ารถยนต์ก็ป่าช้ารถอยู่เมืองไทยนี้เต็มไปหมดละ เอะอะคว้ามับๆ ลิงร้อยตัววิ่งไม่ทันตรงนี้ละ เข้าใจไหมล่ะ มันเร็ว นี่ละคือการลืมเนื้อลืมตัว เช่นอย่างได้ของมาจากเมืองนอก ได้ช็อกโกแลตอะไรแท่งนี้มาให้เราด้วยความดีใจ ... ได้มาจากฝรั่งเศส ทางนี้ก็ปั๊วะกันเลย มันไปจมฝรั่งเศสดีกว่าเมืองไทยเรา มันก็ซัดกันตรงนี้ คนนี้มันสงวนชาติสงวนเนื้อหนังมันไม่ได้ดีใจด้วยนะ ทำไมเราจะฟิตตัวของเราให้ได้ทันเขา ต้องให้ฟิตตัวซิ เอะอะก็วิ่งตามเขาๆ เป็นนิสัยวิ่งตามเขาใช้ไม่ได้ ต้องมีการแข่งขันกันซิ มันจึงมีบทแพ้บทชนะกัน ถ้ามีแต่ยอมตลอดก็แพ้ตลอดไปอย่างนี้ละ นิสัยอันนี้จะติดไปถึงลูกถึงหลานนะแพ้ไปตลอด ถ้าเป็นของเขาดีหมด ของเราไม่ดีๆ ก็เห่อกันเป็นบ้าตามของเขา เขาก็ขนเงินจากตับปอดเราไปไม่มีเหลือละ ...เวลานี้สภาพบ้านเมืองของเราไม่เหมือนแต่ก่อน เราเกิดในอู่ข้าวอู่น้ำ เมืองไทยของเราเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ ใครเกิดที่ไหนก็สมบูรณ์พูนผลไปด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค จึงไม่ได้สนใจกับความขาดแคลนอะไร ไม่ได้วิ่งเต้นขวนขวายเพราะสมบูรณ์อยู่แล้ว ครั้นต่อมาสภาพการณ์เหล่านี้เปลี่ยนแปลงไป โลกนับวันเดือดร้อนเข้าทุกวันๆ กระทบกระเทือนถึงกัน ทั้งเมืองนอกเมืองใน เมืองไทยเมืองเขาเมืองเรา กระทบกระเทือนกันเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ คือ ความเป็นอยู่ปูวายของเรานี้ เราจึงต้องได้ปรับตัวให้ทันกับเหตุการณ์เหล่านี้

ที่ปรับตัวก็คืออะไร ให้มีการประหยัด นี่เป็นหลักสำคัญมาก อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมจนเกินเนื้อเกินตัว การอยู่การกินการใช้สอย ให้ทำอย่างง่ายดายสมกับเราเป็นชาวพุทธ พระพุทธเจ้าไม่สอนให้เราฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม สอนให้อยู่ในความพอดิบพอดี การอยู่การกิน การหลับการนอน การใช้การสอย ให้อยู่ในความพอดิบพอดี อย่าเป็นความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินไป ลืมเนื้อลืมตัว สมบัติอันใดก็ตามที่เกิดในเมืองไทยของเรานี้ ให้ถือว่าเป็นสมบัติอันล้ำค่าของไทยเรา ที่จะช่วยเหลือกันใช้สอยหรือดื่มกิน ของเมืองนอกให้ถือว่าเป็นสมบัติกาฝาก เมื่อล่วงไหลเข้ามาแล้ว ก็มากัดเนื้อกัดหนังของเรา สมบัติเมืองไทยของเรานี้เป็นสมบัติเป็นเนื้อหนังของตนโดยแท้ มีมากมีน้อยก็เป็นสมบัติของตนแท้ ไม่รั่วไหลแตกซึม ไม่ทำลายตัวเองเหมือนสมบัติที่มาจากเมืองนอกเมืองนาที่ไม่จำเป็น เข้ามาแล้วเป็นสมบัติกาฝาก เป็นเนื้อหนังกาฝาก เข้ามากัดตับกัดปอดกัดเนื้อกัดหนังของชาวไทยเราไป ให้สึกหรอไปเป็นลำดับๆ บ้านเมืองของเราก็ร่อยหรอไปตาม เอนเอียงไปตาม เพราะเมืองไทยไม่รักษาหลักเกณฑ์ของชาติไทยเอาไว้ด้วยความมีหลักมีเกณฑ์

            p36.3.jpgเพราะฉะนั้นจึงต้องให้ต่างคนต่างเสียสละในสิ่งที่จำเป็นต่อเรา เช่น เวลานี้กำลังเสียสละต่อชาติบ้านเมืองด้วยความรักชาติของเราก็เสียสละ แล้วต่างคนต่างใช้ต่างสอย อยู่กินให้อยู่กินพอประมาณ อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม สินค้าต่างๆ ที่มีอยู่ภายในประเทศของเรานี้มีมากมายก่ายกอง แต่เรามักจะไปสนใจกับสินค้าทางเมืองนอกเมืองนาซึ่งเป็นเนื้อหนังกาฝาก เข้ามากัดกินเนื้อหนังมังสังของเราให้เสียไปๆ วันละเล็กละน้อย...

ศาสนากับบ้านเมือง  แยกจากกันไม่ได้ p36.4.jpgหลวงตากล่าวถึงการอุ้มชูชาตินั้น จะปล่อยให้ทางบ้านเมืองก้าวไปเพียงลำพังมิได้ ต้องมีทางธรรมเข้าไปประกอบด้วยเสมอ ชาติจึงจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้ ดังนี้           ...วงราชการเป็นสำคัญมากที่จะโอบจะอุ้มชาติบ้านเมืองของเราได้ ... ที่จะกู้ชาติของเราขึ้นมาได้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมของราชการหน่วยต่างๆ เพราะจุดนี้คือหัวใจของประชาชน ... ทั้งทางความเจริญ ทั้งทางความเสื่อม ที่ถูกต้องดีงามตามความมุ่งหมายของประชาชนทั้งชาตินั้น วงราชการต่างๆ ได้รับหน้าที่การงานจากการแต่งตั้งขึ้นมา และมีเงินเดือนของพี่น้องชาวไทยมาเลี้ยงดูเป็นพื้นฐาน ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติหน้าที่การงานด้วยความสุจริตยุติธรรม ... งานราชการนี้แลจะก้าวเดินอย่างเด่นชัดยิ่งกว่างานใดๆ เช่นอย่างงานที่หลวงตาบัวเป็นผู้นำของพี่น้องทั้งหลาย โดยนำศาสนามาเป็นผู้นำนี้ เป็นเพียงขี้ปะติ๋วเท่านั้น ไม่ใช่เป็นงานใหญ่งานโตเหมือนงานราชการ ...เหตุที่ทางศาสนาจะมาเกี่ยวข้องในชาติไทยของเรา ดังที่หลวงตาบัวนำมาประกาศสอนพี่น้องทั้งหลายเวลานี้ ก็เพราะชาติไทยของเราเป็นชาติแห่งชาวพุทธ พระพุทธศาสนาเป็นพ่อเป็นแม่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพวกเรา เรากราบไหว้บูชายึดถือเป็นขวัญตาขวัญใจ ฝากชีวิตชีวาไว้นี้หมด เมื่อเป็นอย่างนั้นศาสนากับทางบ้านเมืองจึงแยกกันไม่ได้ ถ้าหากมีแต่ทางบ้านเมืองอย่างเดียวมาช่วยชาติบ้านเมือง ก็เท่ากับชาติของเรามีเพียงแขนเดียวบ้านเมืองของเราคนมีจำนวน ๖๒ ล้าน แล้วเพียงแขนเดียวจะยกอุ้มชาติบ้านเมืองของเราขึ้นนั้น รู้สึกจะหนักมากทีเดียว จึงต้องอาศัยศาสนาอันเป็นแขนอีกข้างหนึ่ง เรียกว่ามีแขนซ้ายแขนขวาสมบูรณ์แบบแล้วในการที่จะอุ้มชูชาติไทยของเรา ศาสนาจึงได้มาเกี่ยวข้องกับพี่น้องทั้งหลายถ้ามีแต่เรื่องของโลกล้วนๆ เข้าไปทำงานแล้ว โลกมันมีกิเลสอยู่ภายในนั้น ย่อมลืมเนื้อลืมตัวทำความชั่วช้าลามก ด้วยอาศัยอำนาจหน้าที่ของตนลงไปทำให้เสียหายได้ แต่ถ้ามีธรรมในใจแล้วประดับผู้ที่ไปทำหน้าที่การงานวงราชการ เป็นเจ้าเป็นนาย มีศีลมีธรรมประจำตัวแล้ว เป็นความรู้สึกตัวตลอดเวลา ไม่หลงตัวเอง หน้าที่การงานก็สะอาดสะอ้าน ตัวเองก็ไว้ใจตัวเองได้ ประชาชนก็ไว้วางใจได้ งานการต่างๆ ที่ดำเนินไปมากน้อยก็เป็นผลเป็นประโยชน์มากยิ่งกว่าจะเสียหาย นี่คือศีลธรรมประจำชาติไทยซึ่งเป็นลูกชาวพุทธ…” ความรู้เมืองนอก เบ็ดล่อปลา          หลวงตาเมตตาตักเตือนคนไทยที่ไปเลื่อมใสในวิชาความรู้จากเมืองนอกจนอาจไม่เท่าทันในอุบายของเขา ดังนี้          ...ไปเรียนวิชาทางบ้านทางเมืองเขา พวกเขามันมีแต่วิชาทางโลภทางเห็นแก่ได้ เห็นแก่เอารัดเอาเปรียบ เขาประสิทธิ์ประสาทวิชาใดเข้ามา เขามีตาข่ายครอบเอาไว้ๆ ในวิชาที่เขาประสิทธิ์ประสาท เขาจะมาหวังเอากับวิชาของเราที่เรียนมาแล้ว จะต้องปฏิบัติตามเขา เขาก็รีดเอาๆ เหล่านี้เราหาทราบไม่ เป็นยังไง ไปเรียนมาเท่าไรก็มีแต่วิชาของเขา แล้วตาข่ายเขาครอบมากับวิชา เรียนมาแล้วไม่นอกเหนือตาข่ายไปได้ ก็ต้องทำตามอุบายของเขา เขากินไปๆ เรื่อยๆ ทางนี้ก็หมดไป กุ้นไป ด้วนไป หดไป จนจะไม่มีเหลือ...

          ชาติไทยของเราก็เป็นชาติที่อยู่ด้วยความสงบ ซื่อสัตย์สุจริต จนกลายเป็นเซ่อไป เขาต้มตุ๋นแบบไหนก็ไม่รู้ เพราะเราซื่อ ครั้นซื่อแล้วก็กลายเป็นเซ่อไป เป็นอย่างนั้นนะเวลานี้ อันนี้เราพูดย่อๆ นะว่า ขอให้พากันรู้เนื้อรู้ตัว ปรับเนื้อปรับตัว พวกนักวิชาการเรียนมาจากเมืองนอก อย่าเอาตั้งแต่พวกเปรตพวกผีมาเป็นเนื้อเป็นหนัง มันจะมากินเนื้อกินหนัง เพิ่มกับเนื้อหนังของมันให้อ้วนท้วนขึ้นไปนะพวกนี้ เราอย่าหวังว่าเขาจะมีหวังอะไรให้เรา เหมือนกับเหยื่อบนปลายเบ็ดนั่นแหละ เหยื่อนั้นเขาสละเล็กน้อย เบ็ดเขาอยู่ข้างใน จะหวังเอาปลาตัวใหญ่กว่าเหยื่อที่สละไปนั้นๆ วิชาการต่างๆ ที่เรียนมาคือเหยื่อล่อปลานั้นเอง พวกเราเหมือนปลากินเบ็ด เวลาความทุกข์ความทรมานมาเต็มอยู่กับชาติไทยของเราทั้งหมด มีแต่งับเบ็ดเขา ด้วยความเซ่อซ่าไม่รู้เนื้อรู้ตัว มีมากเวลานี้นะp36.5.jpg

            เพราะฉะนั้นขอให้พากันรู้เนื้อรู้ตัว ให้อยู่เพียงพอ ถ้าเป็นศัพท์ภาษาศาสนาเรียกว่า มีความสันโดษ อย่าโดดอย่าดิ้น ความโดดความดิ้นนี้ขัดกับความสันโดษ ความสันโดษคือว่ามีความเพียงพอ มีความสงบร่มเย็น บ้านเราเป็นบ้านเรา เรือนเราเป็นเรือนเรา ประเทศของเราเป็นประเทศของเรา ต่างคนต่างมีขอบเขตรักษาบ้านเรือนสังคมขอบเขตของตนๆ ไว้ด้วยขนบประเพณีอันดีงาม นี่เรียกว่าความเป็นอยู่เพียงพอ…” วิชาธรรม  ครอบโลกธาตุ...หลวงตานี้ไม่ได้เรียนดอกเตอร์ดอกแต้อะไร เรียนแต่ธรรมอย่างเดียว แต่ธรรมของพระพุทธเจ้านี้ครอบโลกธาตุ ความรู้ที่เราเรียนมามากน้อยนี้เป็นความรู้วิชาของวัฏจักร ความรู้ของสัตวโลกที่อยู่ในเรือนจำแห่งวัฏจักร ไม่ใช่ความรู้ของวิวัฏจักรดังความรู้ของพระพุทธเจ้า ต่างกันตรงนี้นะ ท่านจึงไม่จำเป็นต้องเรียนดอกเตอร์ดอกแต้มาอวดกันไปเรียนดอกเตอร์มามากๆ แล้วเบ่ง อู๊ย พวกบ้าเบ่ง ได้เพียงวิชาความรู้เอาความจำมาเท่านั้นแล้วมาเบ่ง สร้างความชั่วช้าลามกใส่บ้านใส่เมือง สกปรกมากเพราะพวกที่เรียนมากๆ จิตใจสกปรกนั่นเอง ถ้าเรียนมาตามหลักวิชาจริงๆ แล้วจะเป็นประโยชน์แก่บ้านแก่เมืองมาก ไม่มีใครเกินวิชาของดอกเตอร์นะ แต่นี้มันเอาดอกเตอร์มาเป็นดอกแต้ไปหมด บีบบี้สีไฟบ้านเมือง เป็นอย่างนั้นนะเวลานี้ ชาติไทยของเราจะจมเพราะวิชาสกปรกเหล่านี้แหละมาทำลาย ให้พากันจำเอานะชาติไทยของเราเป็นชาติชาวพุทธ อย่าลืมเนื้อลืมตัวลืมธรรมไม่ได้นะ ธรรมเป็นวิชาที่สะอาดมากสุดยอดไม่มีอะไรเสมอเหมือน กิเลสนี้เป็นวิชาที่สกปรกมากไม่มีอะไรเสมอเหมือน จึงเป็นข้าศึกกับธรรมเสมอมา เราเรียนวิชาทางโลกมามากน้อยเพียงไร ถ้าไม่มีธรรมเข้าแทรกแล้ว เป็นตัวสกปรกใหญ่สุดยอดเลย ถ้ามีวิชาธรรมเข้าแทรกเป็นเครื่องประกันต้านทานกันไว้เสมอ และมีวิชาธรรมมากเท่าไรแทรกในวิชาของวัฏจักรนั้น จะได้นำวิชาของวัฏจักรมาเป็นประโยชน์แก่โลกได้...
p36.6.jpg

 

 
< ก่อนหน้า   ถัดไป >

Website ที่เกี่ยวข้อง

 

ติดต่อ

www.luangta.com